“Blue in Green” ผสานความเศร้าโศกของเมโลดี้ และความลื่นไหลของจังหวะสวิง
“Blue in Green” เป็นผลงานชิ้นเอกของนักดนตรีแจ๊สระดับตำนาน มิลส์ เดวิส (Miles Davis) ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้ม “Kind of Blue” ที่ปล่อยออกมาในปี 1959 อัลบั้มนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มแจ๊สที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และ “Blue in Green” ก็เป็นเพลงที่โดดเด่นจากอัลบั้มนี้
เพลง “Blue in Green” เป็นเพลงที่เต็มไปด้วยความสงบและความเศร้าโศก เมโลดีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังถูกเล่นด้วยเครื่องแซ็กโซโฟนเทнорโดยจอน คอลเตรน (John Coltrane) ซึ่งสร้างบรรยากาศของความคิดถึงและความหงส์เห XA
จังหวะของเพลงนั้นเป็นแบบสวิง (swing) ที่เนิ้ ดช้าและไหลลื่น นักดนตรีทั้งหกคนในวง ได้แก่ มิลส์ เดวิส (ทรัมเป็ต) จอน คอลเตรน (แซ็กโซโฟนเทenor) แพล์มเมอร์ (Paul Chambers - เบส) วินตัน เคลย์สเกิรต์ (Winton Kelly - เปียโน) และ ฟลอยด์ โอแฮร์ (Philly Joe Jones - กลอง)
ได้แสดงฝีมืออย่างยอดเยี่ยมในการสร้างเสียงดนตรีที่เป็นเอกภาพและไพเราะ “Blue in Green” ไม่ใช่เพลงที่มีท่อนโซโล่เด่นๆ แต่เป็นการ improvisation ที่ต่อเนื่องกันของนักดนตรีทุกคน
ความพิเศษของเพลงนี้คือสามารถสื่ออารมณ์ความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งแม้จะมีเมโลดีที่เรียบง่าย
นอกจาก “Blue in Green” แล้ว อัลบั้ม “Kind of Blue” ยังมีเพลงแจ๊สคลาสสิคอื่นๆ อีก เช่น “So What,” “All Blues,” และ “Flamenco Sketches” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของดนตรีแจ๊สมิลส์ เดวิส
มิลส์ เดวิส: นักดนตรีแจ๊สผู้ยิ่งใหญ่
มิลส์ เดวิส (1926 - 1991) ถือเป็นหนึ่งในนักดนตรีแจ๊สที่สำคัญที่สุดตลอดกาล เขาเกิดและเติบโตที่เมืองเอลรอยด์ รัฐอิลลินอยส สหรัฐอเมริกา
เดวิสเริ่มเล่นทรัมเป็ตเมื่อยังเด็ก และได้ฝึกฝนอย่างหนักกับครูผู้มีชื่อเสียง
เดวิสเข้าร่วมวงดนตรีของชาร์ลี พาร์เกอร์ (Charlie Parker) ในช่วงต้นทศวรรษ 1940 และได้พัฒนาวิธีการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ซึ่งเน้นไปที่ความเรียบง่ายและความไพเราะ
ในปี 1950s เดวิส ได้ก่อตั้งวงดนตรีของตนเอง และเริ่มทดลองกับแนวเพลงใหม่ๆ เช่น modal jazz
“Kind of Blue” ซึ่งเป็นอัลบั้มแจ๊สที่ขายดีที่สุดตลอดกาล เป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างความเป็นนวัตกรรมและความไพเราะ
เดวิส ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีแจ๊สทั่วโลก และเพลงของเขายังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
“Blue in Green” : โครงสร้างและการตีความ
“Blue in Green” มีโครงสร้างที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง
เพลงนี้ใช้ key ของ D Dorian ซึ่งเป็น scale ที่มักใช้ในแนว modal jazz เพลงเปิดตัวด้วย intro ที่เล่นโดยแซ็กโซโฟนเทenor
จากนั้น เมโลดีหลักก็ถูกนำเสนออย่างช้าๆ และสงบ
“Blue in Green” ไม่ใช่เพลงที่มีการ improvisation เด่นชัด แต่เป็นการ improvisational ที่ต่อเนื่องกันของนักดนตรีทุกคน
เมโลดีที่เรียบง่ายของเพลงนี้ให้โอกาสแก่
นักดนตรีในการแสดงฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง
ตารางด้านล่างแสดงโครงสร้างของ “Blue in Green”
ส่วน | เวลา (โดยประมาณ) |
---|---|
Intro (แซ็กโซโฟนเทenor) | 0:00 - 0:30 |
เมโลดีหลัก | 0:30 - 2:30 |
Improvisational section | 2:30 - 5:00 |
การตีความ “Blue in Green”
เพลง “Blue in Green” มักถูกตีความว่าเป็นเพลงที่สื่อถึงความเศร้าโศก ความคิดถึง และความสงบ
เมโลดีที่เรียบง่ายและจังหวะที่ช้าช่วยสร้างบรรยากาศของความหงส์เห XA
นักดนตรีแจ๊สหลายคนได้บันทึกเวอร์ชั่นของ “Blue in Green”
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมและอิทธิพลของเพลงนี้
“Blue in Green” เป็นตัวอย่างของความเป็นเอกลักษณ์ของมิลส์ เดวิส
เพลงนี้ผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายและความลึกซึ้ง
และได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงแจ๊สที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล